เป็นที่รู้กันดีในแวดวงธุรกิจ ถึงการแข่งขันด้านประสิทธิภาพการทำงานที่มีแนวโน้มพุ่งสูงมากขึ้นเรื่อยๆ...
ก้าวทันทุกเทรนด์การทำงาน ด้วยบริการแพ็กเกจมือถือสำหรับธุรกิจ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตั้งแต่สถานการณ์โรคระบาดอันรุนแรงผ่านพ้นไป ชีวิตของเราก็ดูจะเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างไม่มีวันหวนกลับ เช่นเดียวกับรูปแบบการทำงาน ที่เชื่อว่าหากย้อนไป 3 ปีก่อนหน้านี้ ก็คงไม่มีใครคิดว่าการทำงานแบบ Hybrid Working หรือ Work From Everywhere จะสามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งในปี 2022 ที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พนักงานสามารถทำงานได้จากทุกที่ โดยที่ประสิทธิภาพก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเก่า ทำให้หลายบริษัทมีการใช้บริการแพ็กเกจมือถือสำหรับธุรกิจในรูปแบบรายเดือนมากขึ้น เพื่อให้พนักงานได้ติดต่อสื่อสารกันอย่างสะดวกโดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศ
ในปี 2023 นี้ ก็ยังมีเทรนด์การทำงานที่น่าสนใจอีกมากมาย ที่องค์กรควรเตรียมตัวให้ทัน และหาแนวทางรับมือให้มั่น เพื่อรักษาพนักงานไว้ และช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใด
อัปเดต 4 เทรนด์การทำงานแห่งปี 2023 เมื่อความยืดหยุ่นคือหัวใจสำคัญ
1. พนักงาน Frontline มองหาความยืดหยุ่นที่มากขึ้น
ในช่วงที่ผ่านมา เรามักจะเห็นว่าพนักงานที่ได้รับความยืดหยุ่นในการทำงานให้สามารถเลือกทำงานที่บ้าน หรือจากที่ไหนก็ได้ มักเป็นพนักงานผู้ทำงานอยู่เบื้องหลังเป็นส่วนใหญ่ จากวัฒนธรรมการทำงานที่เปลี่ยนไปนี้ จึงทำให้พนักงาน Frontline หรือพนักงานในตำแหน่งหน้างานบางส่วนก็เริ่มคิดถึงความยืดหยุ่นในการทำงานเช่นกัน ซึ่งความยืดหยุ่นที่พนักงาน Frontline มองหาอาจไม่ใช่เพียงเรื่องสถานที่ แต่เป็นการได้รับความยืดหยุ่นในการกำหนดขอบเขตชั่วโมงการทำงานด้วยตัวเอง เช่น ความยืดหยุ่นในการเลือกตารางวัน หรือเวลาในการทำงาน โดยพบว่าหลายคนยอมเพิ่มชั่วโมงในการทำงานมากขึ้นเพื่อลดวันทำงานลง ซึ่งบริการแพ็กเกจมือถือสำหรับธุรกิจนับว่าจะเป็นส่วนช่วยที่สำคัญอย่างมากที่ทำให้พนักงานที่มองหาความยืดหยุ่นสามารถติดต่อสื่อสารและประสานงานกับทั้งลูกค้าและเพื่อนร่วมงานได้อย่างสะดวกแม้จะมีเวลาทำงานงานที่แตกต่างกัน
2. พนักงานเริ่มหวังให้องค์กรเข้ามาช่วยดูแลด้าน Mental Health
ในสภาพที่การแข่งขันในตลาดธุรกิจสูงขึ้นทุกวัน ทำให้ความเครียดในที่ทำงานเพิ่มสูงมากขึ้นไปด้วย ซึ่งความเครียดและความกดดันที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ล้วนส่งผลกระทบต่อพนักงานทั้งในการปฏิบัติหน้าที่ หรือแม้แต่ในชีวิตประจำวัน โดยในปัจจุบันพบว่า ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนงานหลายคน มองหาสถานที่ทำงานที่สามารถสนับสนุนสุขภาพจิตของพนักงานได้มากขึ้น ดังนั้น องค์กรที่คำนึงถึงความเป็นอยู่ของพนักงานทั้งด้านกายภาพและจิตใจ จึงนับได้ว่าตอบโจทย์พนักงานเป็นอย่างดี ซึ่งบางองค์กรก็เริ่มมีนโยบายการดูแลด้าน Mental Health มาแล้ว เช่น Delta Air Lines ที่มีการแต่งตั้งตำแหน่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ สำหรับดูแลพนักงานเพิ่มขึ้นมา หรือในบางองค์กรก็มีจิตแพทย์ประจำคอยดูแลและให้คำปรึกษาพนักงานเมื่อเกิดปัญหา
3. DEI จะกลายมาเป็นหัวใจหลัก
DEI คือแนวคิด Diversity, Equity และ Inclusion ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญที่สนับสนุนความแตกต่างที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเรื่องเพศ วัย เชื้อชาติ ภาษา สีผิว เนื่องจากการมีพนักงานที่หลากหลาย โดยไม่จำกัดความแตกต่าง จะทำให้องค์กรสามารถเปิดรับทีมงานที่มีความสร้างสรรค์ ความสามารถคิดค้นนวัตกรรมและแนวทางการแก้ปัญหาในการทำงานได้มากขึ้น อีกทั้งพนักงานที่มีความแตกต่างกันไป ยังสามารถเป็นตัวแทนที่จะทำให้องค์กรได้รับรู้ ทำความเข้าใจ และรับมือกับความหลากหลายได้ดียิ่งขึ้น
4. Hybrid Working is the new normal
การทำงานแบบ Hybrid จะกลายมาเป็นการทำงานหลักของหลายองค์กรทั่วโลก เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาได้มีการ Work From Home ที่ทำให้พนักงานหลายคนคุ้นชินจนรู้สึกว่าการต้องเข้าออฟฟิศทุกวันอาจไม่ใช่สิ่งจำเป็น ทำให้เกิด Hybrid Working ซึ่งเป็นการทำงานแบบผสมทั้งจากที่ออฟฟิศและจากที่บ้าน Hybrid Working เริ่มมีแนวโน้มที่สูงขึ้นในอนาคต อีกทั้งการทำงานในรูปแบบที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศอย่างเดียวยังสามารถดึงดูดคนรุ่นใหม่ รวมถึงพนักงานที่มีความสามารถเข้ากันกับทัศนคติความยืดหยุ่นขององค์กรได้เป็นอย่างดี ซึ่งสิ่งที่จะช่วยให้การทำงาน Hybrid ได้ผลมากที่สุด คือการเตรียมเทคโนโลยีและบริการในการสื่อสารให้พร้อม โดยในปัจจุบันมีบริการแพ็กเกจมือถือสำหรับธุรกิจที่ช่วยให้พนักงานสามารถติดต่อพูดคุยกันได้อย่างสะดวกสบาย ไม่มีติดขัด เพื่อให้พนักงานทุกคนทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นไร้ปัญหา
องค์กรควรปรับตัวอย่างไรให้เดินหน้าต่อได้อย่างไม่สะดุด
จากเทรนด์เหล่านี้ เราจะเห็นได้ว่าโดยหลักๆ แล้ว สิ่งที่อาจเป็นอุปสรรคที่ทำให้พนักงานรู้สึกหมดไฟ และพาให้องค์กรไม่อาจเดินหน้า ก็คือเรื่องของ 'ความยืดหยุ่น' ในการทำงาน ซึ่งในส่วนนี้ องค์กรควรศึกษาเทรนด์ใหม่ๆ ในที่ทำงานให้ดีเพื่อมองหาโซลูชันที่จะสามารถเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างสะดวกสบายจากทุกที่ ทุกเวลา เพื่อตอบรับความต้องการของพนักงาน และพาให้องค์กรสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างก้าวกระโดด ดังนั้น องค์กรจึงควรรับมือด้วยการเลือกใช้บริการแพ็กเกจมือถือสำหรับธุรกิจ ที่จะช่วยให้การทำงานกลายเป็นเรื่องง่าย และตอบรับความต้องการของพนักงานทุกฝ่าย
Biz 5G Max บริการแพ็กเกจมือถือสำหรับธุรกิจ ที่มีตัวเลือกรายเดือนอย่างหลากหลาย ช่วยให้องค์กรประหยัดต้นทุน พร้อมเพิ่มความยืดหยุ่นให้พนักงาน ไม่ว่าจะทำงานฝ่ายใด ก็โทรฟรีทุกเครือข่าย ปิดการขายได้รวดเร็ว สื่อสารกับลูกค้าได้ทันใจ ประสานงานข้ามแผนกได้อย่างไม่มีสะดุด ตอบโจทย์การทำงานทุกรูปแบบ สนับสนุนให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทุกที่ ทุกเวลา
หากต้องการรายละเอียดแพ็กเกจหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ dtac business Customer Center โทร. 1431 เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับแพ็กเกจมือถือสำหรับธุรกิจแบบรายเดือน เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการใช้งานสูงสุด ตอบโจทย์ทุกความต้องการของธุรกิจคุณ
ติดตามข่าวสารจาก dtac business ได้ตามลิงก์ด้านล่าง
Facebook : dtac business
YouTube Channel: dtac