Skip to content
searchMagnify
    close
    profile ล็อกอิน
    searchMagnify
      close

      รู้จัก Digital Nomad การทำงานสำหรับคนยุคใหม่ที่ไร้ขีดจำกัด

             การท่องเที่ยว เป็นหนึ่งในความชอบของใครหลายคน จะดีกว่าไหมถ้ามีรูปแบบการทำงานที่สามารถตอบโจทย์คนที่ชอบท่องเที่ยว สามารถเข้างานได้จากทุกที่โดยไม่ถูกจำกัดว่าต้องเข้าออฟฟิศ เป็นการสร้างความสมดุลให้แก่ชีวิตและการทำงานได้อย่างลงตัว เป็นรูปแบบการทำงานที่ Work From Anywhere ดังนั้นการทำงานแบบ Digital Nomad อาจจะเป็นรูปแบบการทำงานที่คุณกำลังมองหาอยู่ก็เป็นได้

             วันนี้ขอพาไปทำความรู้จัก Digital Nomad กันให้มากขึ้น ว่าการทำงานของพวกเขามีข้อดีอย่างไร ทักษะที่ควรมีคืออะไร และบริการอย่าง Google Workspace พร้อมอินเตอร์เน็ต และบริการ Mobile PBX อย่าง dtac OneCall โซลูชันจัดการสายอย่างมืออาชีพ มีความสำคัญอย่างไรกับการทำงานรูปแบบนี้

      บริการ Google Workspace พร้อมอินเตอร์เน็ตสำหรับ Digital Nomad

      ทำความรู้จักเทรนด์การทำงาน Digital Nomad

             เทรนด์การทำงานในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ สำหรับในบางรูปแบบกลับกลายเป็นตรงกับความต้องการจนไม่อยากกลับไปทำงานแบบเดิม ๆ เทรนด์การทำงาน Digital Nomad เป็นกลุ่มคนที่มีความอิสระในการทำงานสูง มีความรับผิดชอบในการทำงานที่ได้รับมอบหมายและพร้อมส่งงานผ่านทางออนไลน์ได้ตามเวลาที่กำหนด โดยไม่มีที่ทำงานเป็นประจำ

             บางคนอาจใช้โอกาสนี้ เลือกเดินทางท่องเที่ยวไปในประเทศและต่างประเทศ ควบคู่กับการทำงานประจำไปด้วย เพื่อค้นหาสิ่งใหม่ ๆ ไอเดียแปลก ๆ และประสบการณ์ชีวิตรูปแบบอื่นที่ต่างจากชีวิตการทำงานออฟฟิศ

      สิ่งที่ได้จากการทำงานรูปแบบ Digital Nomad

      • มีความอิสระ : การทำงานแบบ Work From Anywhere เป็นรูปแบบการทำงานที่มีความอิสระสูง สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้และไม่ได้ถูกจำกัดเวลาในการเข้างานมากนัก สามารถแบ่งเวลาสำหรับการทำงาน การพักผ่อนและเวลาส่วนตัวได้
      • โอกาสพบประสบการณ์ใหม่ : สิ่งสำคัญสำหรับคนที่ชอบทำงานไปพร้อมกับการเดินทางคือได้โอกาสสำคัญที่จะไปเปิดโลกและได้พบเจอกับประสบการณ์ใหม่ ๆ ในสถานที่ที่เราได้ไปท่องเที่ยว ขอแค่มีระบบการทำงานที่ดีและมีอินเตอร์เน็ตสำหรับเชื่อมต่อเวลาส่งงานหรือเวลาประชุมงาน
      • ไม่ต้องเดินทางเพื่อเข้างาน : ต้องยอมรับว่าการเดินทางเข้าออฟฟิศ เพื่อไปให้ทันเวลาเข้างาน อาจไม่ใช่สิ่งที่ถูกใจสำหรับใครหลายคน ปัญหาบ้านไกล สภาพการจราจรติดขัดหรืออุบัติเหตุต่าง ๆ ล้วนส่งผลให้เข้างานไม่ทัน แต่หากได้ทำงานนอกสถานที่ก็สามารถหมดกังวลเรื่องการเดินทาง สามารถเอาเวลาเหล่านั้นมาพักผ่อน หรือเตรียมตัวตอกบัตรเข้างานได้จากทุกที่
      • มีเวลาให้ความสุขกับตัวเองมากขึ้น : การเดินทางเป็นหนึ่งความชอบของการทำงาน โดยที่สามารถไปในสถานที่ที่อยากไปได้เสมอ เปรียบเสมือนให้ทุกวันของการทำงานเป็นวันท่องเที่ยว เป็นการสร้างความสุขให้ตัวเองได้ตลอดเวลา
      • ได้ฝึกความรับผิดชอบ : ถึงแม้ว่าจะไม่มีการกำหนดในเวลาทำงาน แต่คนที่ประสบความสำเร็จในการเดินทางพร้อมทำงานไปด้วย จะได้รับการฝึกเรื่องความรับผิดชอบในการทำงาน สามารถส่งงานได้ตามเวลาที่กำหนด เข้าประชุมสำคัญเมื่อถึงเวลานัด รวมถึงรับผิดชอบการประสานงานอื่น ๆ ที่ได้รับมอบหมายอีกด้วย

      อาชีพสำหรับการทำงาน Digital Nomad

             ถึงแม้ว่ารูปแบบการทำงาน Digital Nomad จะมีความยืดหยุ่นในเรื่องของเวลาสูง แต่ไม่ใช่ว่าทุกอาชีพจะสามารถทำได้ บางอาชีพมีความจำเป็นต้องเข้าถึงหน้างานอย่างสม่ำเสมอถึงจะทำให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น บางอาชีพจำเป็นต้องพบปะผู้คนที่อยู่ในสถานที่เดิมเป็นประจำเพื่อการสร้างความสัมพันธ์ ซึ่งสำหรับคนที่สนใจอยากทำงานไปพร้อมกับการเดินทางท่องเที่ยว ควรจะเป็นอาชีพที่ไม่มีกรอบการทำงานแบบข้างต้นที่กล่าวมา

             หากยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ โดยส่วนใหญ่มักเป็นอาชีพซึ่งสามารถทำบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ เช่น คนทำเว็บไซต์ Web Developer, นักออกแบบ , นักเขียน Copy Writer, ช่างภาพ, คนตัดต่อวิดีโอ, นักรีวิว, Blogger เป็นต้น

      Digital Nomad Vs Freelance มีความแตกต่างกันอย่างไร

             ความมีอิสระในการทำงาน มีเวลาที่ยืดหยุ่นและสามารถทำงานในสถานที่ต่าง ๆ ได้ หลายคนอาจจะนึกถึงการทำฟรีแลนซ์ ซึ่งจะบอกว่าใช่แต่อาจไม่ถูกต้องมากนัก เพราะการทำงานรูปแบบ Digital Nomad นั้นมีทั้งความเหมือนและข้อแตกต่างกันอยู่ดังนี้

      ระบบการจ้างงาน: ในหลายบริษัทยังสามารถจ้างงานในรูปแบบงานประจำได้เหมือนเดิม เพียงแค่ไม่มีการเข้าออฟฟิศเป็นประจำ ซึ่งแตกต่างจากฟรีแลนซ์ที่ไม่ได้เป็นพนักงานประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องการขาดรายได้

      ความรับผิดชอบ: การทำงานไปพร้อมกับการเดินทางนั้นเป็นรูปแบบการทำงานที่ต้องมีความรับผิดชอบสูง รวมถึงมีความพร้อมในการเตรียมตัวต่อการสื่อสารกับองค์กรอยู่เสมอ มักเลือกสถานที่ที่อินเตอร์เน็ตสามารถเข้าถึงได้ดี รวมถึงมีเครื่องมือหลากหลายที่พร้อมสำหรับการทำงานอยู่เสมอ

      ทักษะที่ต้องมีหากอยากเป็น Digital Nomad

      1. มีแล็ปท็อป (Laptop) หรือ โน้ตบุ๊ก (Notebook) เป็นของตัวเอง

             แล็ปท็อป (Laptop) กับ โน้ตบุ๊ก (Notebook) เป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่ควรมีไว้สำหรับการทำงานในหลายรูปแบบ และสำหรับการสื่อสารกับคนทั้งในและนอกองค์กร

      2. สามารถสื่อสารได้หลากหลายภาษา

             สำหรับคนที่ต้องการเดินทางเปิดโลกไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ สิ่งสำคัญคือเรื่องของภาษาเพื่อใช้ในการสื่อสารกับคนในพื้นที่นั้น ๆ แต่ข้อนี้เป็นสิ่งที่สามารถฝึกฝนกันได้ โดยในปัจจุบันมีที่เรียนเพื่อฝึกทั้งภาษาที่ 2 และ 3 ในหลายช่องทางทั้งแบบเรียนฟรี และมีค่าใช้จ่าย

      3. พร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ตลอดเวลา

             การได้เดินทางไปในสถานที่ต่าง ๆ เป็นโอกาสที่ดีสำหรับคนพร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ ที่แปลกตาและพาใจให้ตื่นเต้นอยู่เสมอ เป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ฉะนั้นแล้วคนที่อยากทำงานและเดินทางไปด้วย นั้นจะเป็นคนที่เปิดใจให้กว้างและมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี และมักมาในรูปแบบคนแปลกหน้าอยู่เสมอ

      4. มีเครื่องมือที่พร้อมสำหรับการทำงานนอกสถานที่

             เครื่องมือที่พร้อมสำหรับการทำงานเป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่จะขาดไม่ได้ หากกำลังมองหาแพลตฟอร์มที่มีตัวช่วยสำหรับการทำงานที่ครบครัน บริการ Google Workspace พร้อมอินเตอร์เน็ต หรือโซลูชัน โทรศัพท์สำนักงานบนมือถือ จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดีไปอีกขั้น ภายในมีเครื่องมือมากมายที่พร้อมรับมือการทำงานในหลายรูปแบบ

      บริการ Mobile PBX สำหรับการทำงานนอกสถานที่

      ความสำคัญของบริการ Google Workspace พร้อมอินเตอร์เน็ต และ Mobile PBX

              dtac business เล็งเห็นว่าการทำงานนอกสถานที่ในต่างแดนเป็นอีกรูปแบบการทำงานยอดนิยมในปัจจุบัน และส่งผลดีต่อความสุขของคนที่ชอบเที่ยว จึงขอแนะนำ บริการ Google Workspace พร้อมอินเตอร์เน็ต ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกันได้ทุกที่ทุกเวลา ด้วยโปรแกรมอื่น ๆ จาก Google Workspace อย่างไร้ขีดจำกัด มาในระบบที่ใช้งานง่าย และมีมาตรฐานความปลอดภัยสูงจาก Google

              และบริการ Mobile PBX โซลูชัน โทรศัพท์สำนักงานบนมือถือ ที่มีประสิทธิภาพการติดต่อสื่อสารให้มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ด้วยระบบผูกเบอร์กลางของบริษัทกับมือถือของพนักงาน ช่วยให้พนักงานรับสายจากเบอร์กลางของบริษัทได้ทุกที่ โดยไม่ต้องลงทุนตู้สาขาโทรศัพท์ PBX เป็นการเพิ่มภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือ โดยมีฟีเจอร์พิเศษสามารถตั้งค่าระบบคิวรอสายและกำหนดผู้รับสายได้อีกด้วย

              ที่ dtac business เราพร้อมเคียงข้างการทำงานของคุณด้วยบริการ Google Workspace พร้อมอินเตอร์เน็ต และ dtac OneCall โซลูชันจัดการสายอย่างมืออาชีพ (Mobile PBX) ที่มีฟีเจอร์พร้อมสำหรับการทำงานและสามารถให้คำปรึกษาอย่างเข้าใจ ด้วยโซลูชันที่เหมาะสำหรับธุรกิจของคุณมากที่สุด

      ติดตามข่าวสารจาก dtac business ได้ตามลิงก์ด้านล่าง